วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

5 ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!
วัดโคกพระยา จุดจบของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาหลายพระองค์

๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ
ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!


  • เมื่อพระเจ้าอู่ทองย้ายราชธานีจากเมืองอโยธยา ข้ามฟากแม่น้ำมาสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นในปี พ.ศ.๑๘๙๓ โปรดเกล้าฯให้ขุนหลวงพงั่ว ซึ่งเป็นพี่มเหสี เป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราช ไปครองเมืองสุพรรณบุรี และให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระราเมศวร ไปครองเมืองลพบุรี
  • พระเจ้าอู่ทอครองราชย์อยู่ ๒๐ ปีสวรรคต พระราเมศวร จึงเสด็จจากเมืองลพบุรี มาครองราชย์แทน
  • พระราเมศวรครองราชย์อยู่เกือบปี สมเด็จพระบรมราชาธิราช ผู้เป็นพระเชษฐาของพระมารดา ก็เสด็จมาจากเมืองสุพรรณบุรี สมเด็จพระราเมศวรออกไปต้อนรับแล้วอัญเชิญเข้าพระนคร ถวายราชสมบัติให้ จากนั้นก็กลับไปครองเมืองลพบุรีตามเดิม

     
       สมเด็จพระบรมราชาธิราชครองราชย์อยู่ ๑๓ ปีสวรรคต เจ้าทองจันทร์ หรือ ทองลัน ราชโอรสวัย ๑๕ พรรษาขึ้นครองราชย์แทน ซึ่งนับเป็นยุวกษัตริย์พระองค์แรกของกรุงศรีอยุธยา แต่ครองราชย์อยู่ได้เพียง ๗ วันเท่านั้น พงศาวดารบันทึกไว้ว่า
     
       “สมเด็จพระราเมศวรเสด็จลงมาแต่เมืองลพบุรี เข้าในพระราชวังได้ กุมเอาเจ้าทองจันทร์ได้ ให้พิฆาตเสียวัดโคกพระยา แล้วพระองค์ได้เสวยราชสมบัติ”
       พงศาวดารไม่ได้บันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้ นอกจากสันนิษฐานได้ว่า ผู้ที่จะครองราชย์ได้ก็คือผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในเวลานั้น และผู้ที่อ่อนแอกว่าก็จะต้องถูกกำจัดไปให้สิ้นปัญหา ไม่ปล่อยให้บ่มตัวจนกลับมาเป็นผู้เข้มแข็งขึ้นอีก
       ยุวกษัตริย์องค์ต่อไปที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการช่วงชิงอำนาจ ก็คือ พระรัษฎาธิราช ผู้มีพระชนม์เพียง ๕ พรรษา
     
       สมเด็จพระรัษฎาธิราชเป็นราชโอรสของสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร ซึ่งครองราชย์อยู่ ๔ ปีเศษก็สวรรคตด้วยโรคไข้ทรพิษ และไม่ได้ทรงแต่งตั้งรัชทายาทไว้ บรรดาขุนนางข้าราชการจึงอัญเชิญสมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร ซึ่งมีพระชนมายุเพียง ๕ พรรษาขึ้นครองราชย์
     
       เมื่อครองราชย์อยู่เพียง ๕ เดือนเศษ พระไชยราชา สมเด็จอาซึ่งเป็นพระอนุชาของสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรอันเกิดจากพระสนม และถูกส่งไปครองเมืองพิษณุโลก ก็ยกกองทัพมากรุงศรีอยุธยา จับสมเด็จพระรัษฎาธิราชไปประหารชีวิต ทั้งๆที่ตอนนั้นสมเด็จพระรัษฎาธิราชก็คงรู้เรื่องราวพอๆกับเด็ก ๕ ขวบ ยังไม่อาจเป็นพิษเป็นภัยกับใครได้ทั้งสิ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อโตขึ้นมาแล้วจะมีฤทธิ์เดชอย่างใด หรืออาจจะถูกใครจับเชิดมาทวงราชบัลลังก์คืน จึงต้องกำจัดไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป
     
       ยุวกษัตริย์องค์ที่ ๓ ของกรุงศรีอยุธยาก็คือ พระยอดฟ้า ซึ่งก็ไม่แคล้วที่จะต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับยุวกษัตริย์ ๒ พระองค์แรก พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวไว้ว่า
     
       “....ฝ่ายสมณพราหมณ์จารย์มุขมนตรี กวีราช นักปราชญ์ บัณฑิต โหราราชครูสโมสรพร้อมกันประชุมเชิญพระยอดฟ้าพระชนม์ได้ ๑๑ พรรษา เสด็จผ่านพิภพถวัลย์ราชประเพณีสืบศรีสุริยวงศ์อยุธยาต่อไป แล้วนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ผู้เป็นสมเด็จพระชนนี ช่วยทำนุบำรุงประคองราชการแผ่นดิน....”
     
       ความจริงแล้ว พระยอดฟ้าขึ้นครองราชย์ก็แต่ในนาม อำนาจทั้งหมดอยู่ในกำมือของเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ นางจึงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน แต่การกำจัดพระยอดฟ้าก็เป็นความจำเป็น ด้วยเหตุที่นางได้ลอบลักสมัครสังวาสกับขุนวรวงศา และเรื่องกำลังอื้อฉาวขึ้นเรื่อยๆ แม้นางได้พยายามกำจัดข้าราชการที่เป็นปฏิปักษ์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีข้าราชการที่ไม่ยอมจงรักภักดีอีก ทั้งพระยอดฟ้าก็โตขึ้นทุกวัน อาจไปสมคบกับข้าราชการเหล่านั้น
     
       พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาได้บันทึกไว้อีกว่า
     
       “....ขณะนั้นนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์มีครรภ์ด้วยขุนวรวงศาธิราช จึงมีพระเสาวนีย์ตรัสปรึกษาด้วยหมู่มุขมนตรีทั้งปวงว่า พระยอดฟ้าโอรสเรายังเยาว์นัก สาละวนแต่จะเล่น จะว่าราชการแผ่นดินนั้น เห็นเหลือสติปัญญานัก อนึ่งหัวเมืองฝ่ายเหนือเล่าก็ยังมิปกติ จะไว้ใจแต่ราชการมิได้ เราคิดจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดิน กว่าราชบุตรเราจะจำเริญวัยขึ้น จะเห็นเป็นประการใด ท้าวพระยามุขมนตรีรู้พระอัชฌาสัยก็ทูลว่า ซึ่งตรัสโปรดมานี้ก็ควรอยู่....”
     
       จากนั้นนางจึงมีเสาวนีย์ตรัสสั่งให้เอาราชยาน เครื่องสูงแตรสังข์กับขัตติยวงศ์ ออกไปรับขุนวรวงศาเข้ามาในพระราชวัง แล้วตั้งพระราชพิธีราชาภิเษก ยกขุนวรวงศาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนพระยอดฟ้า
     
       จากนั้นชะตากรรมของยุวกษัตริย์อีกองค์ก็มาถึง เมื่อพระราชพงศาวดารบันทึกไว้ว่า
     
       “ครั้นศักราช ๘๙๑ ปีฉลู เอกศก (พ.ศ.๒๐๗๒) ณ วันอาทิตย์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๘ ขุนวรวงศาธิราชเจ้าแผ่นดิน คิดกันกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ให้เอาพระยอดฟ้าไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดโคกพระยา แต่พระศรีศิลป์น้องชายพระชนม์ได้เจ็ดพรรษานั้นเลี้ยงไว้ สมเด็จพระยอดฟ้าอยู่ในราชสมบัติปีกับสองเดือน”
     
       ขุนวรวงศาครองราชย์อยู่ได้เพียง ๔๒ วัน กรรมก็ตามทัน เหล่าขุนนางที่จงรักภักดีต่อแผ่นดิน ได้ร่วมกันวางแผนสังหารพร้อมทั้งเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์และบุตรที่เกิดจากขุนวรวงศา
     
       หลังสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระยอดฟ้าแล้ว กรุงศรีอยุธยาก็ว่างเว้นยุวกษัตริย์เกือบ ๑๐๐ ปี จนในปี ๒๑๗๑ จึงมียุวกษัตริย์องค์ที่ ๔ คือ สมเด็จพระเชษฐาธิราช ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ในวัยเดียวกับพระเจ้าทองลัน ส่วนยุวกษัตริย์องค์ที่ ๕ ก็คือ สมเด็จพระอาทิตย์วงศ์ ซึ่งถูกยกขึ้นเป็นกษัตริย์ขณะพระชนม์เพียง ๙ พรรษา ก็ไม่พ้นชะตากรรมยุวกษัตริย์อีกเช่นกัน ซึ่งผู้ที่กำจัดยุวกษัตริย์ ๒ รายหลังนี้ก็คือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โอรสลับของสมเด็จพระเอกาทศรถที่เกิดจากผู้หญิงชาวบ้านเกาะบางปะอิน ซึ่งไม่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ แต่ก็เพราะความเด็ดขาดเข้มแข็งจึงไต่เต้าขึ้นสู่ราชบัลลังก์ได้ และครองราชย์อย่างยาวนานถึง ๒๕ ปี โดยปราศจากศัตรูทั้งภายนอกภายใน แม้พม่าข้าศึกก็ยังไม่กล้ามาระราน
     
       การครองราชย์ ก็คือการครองอำนาจในการเป็นผู้นำประเทศ สมควรที่จะเป็นผู้เข้มแข็งที่สุด ในยุคกรุงศรีอยุธยาที่ประชาชนเป็นเพียงข้าแผ่นดิน ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงและไม่มีพลังทางการเมือง จึงไม่อาจคุ้มครองความชอบธรรมใดๆได้ ยุวกษัตริย์ผู้ยังอ่อนแอจึงไม่เหลือรอดแม้แต่พระองค์เดียว

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!

ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้ครองอำนาจ!๕ ยุวกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ถูกผู้ใหญ่ฆ่าเรียบ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น