วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ ๒ บ้านเรือนของชาวสยาม และฝีมือการก่อสร้าง


มองสยามประเทศ ปี พ.ศ ๒๒๓๐ ผ่านจดหมายเหตุ ลา ลูแบร์
ตอนที่ ๒ บ้านเรือนของชาวสยาม และฝีมือการก่อสร้าง
  • ๑. ชาวสยามมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ชาวสยามแต่งตัวอย่างเรียบๆง่ายๆ บ้านเรือนเครื่องเรือนและอาหารการกินก็เรียบๆ ง่ายๆ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน กล่าวคือเหมือนเศรษฐีที่อยู่ในห้วงแห่งความอนาถา เสมอเหมือนกันไปหมดทุกคน เพราะพวกเขาเป็นคนสันโดษมักน้อย ที่อยู่อาศัยของชาวสยามเป็นเรือนหลังย่อมๆ มีอาณาบริเวณกว้างขวางพอใช้ พื้นเรือนใช้ไม้ไผ่มาสับเป็นฟาก และเรียงไว้ไม่ค่อยถี่นัก และยังจักตอกขัดแตะเป็นฝา และใช้เครื่องบนหลังคา เสาตอม่อที่ยกพื้นขึ้นสูงให้พ้นน้ำท่วม ก็ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่กว่าขา และสูงจากพื้นดินประมาณ ๑๓ ฟุต เพราะบางครั้งน้ำท่วมสูงถึงเท่านั้น ตอม่อ แถวหนึ่งมีไม่มากกว่า ๔ - ๖ ต้น แล้วเอาลำไม้ไผ่ผูกขวางเป็นรอด บันได ก็เป็นกระไดไม้ไผ่ซึ่งทอดอยู่ข้างนอกตัวเรือนเหมือนกระไดโรงสีลม คอกสัตว์สยามก็อยู่กลางแจ้งและยกพื้นเหมือนกัน มีตะพานทำด้วยไม้ไผ่ฟากสำหรับสัตว์ปีนขึ้น
  • ๒. เรือนสร้างแล้วเสร็จได้รวดเร็ว การที่เรือนแต่ละหลังออกไปตั้งอยู่โดดหลังเดียวห่างๆ กัน อาจต้องการให้เป็นที่รโหฐาน ชาวสยามตั้งเตาหุงต้มกันกลางลานบ้าน ขณะที่เขาอยู่ในพระนคร มีเรือนถูกไฟไหม้ถึง ๓๐๐ หลังคาเรือน แต่กลับปลูกใหม่เสร็จภาายในสองวัน
  • ๓. ไม่มีเรือนพักรับแขกเมือง ที่เขาจัดให้พวกเราพักที่ชายน้ำ ชาวสยามได้จัดสร้างขึ้นโดยเฉพาะ ด้วยไม่มีเรือนหลังใดพอให้เข้าพักได้ เหมือนประเทศอื่นๆในทวีปเอเซียระหว่างทางจากกรุงศรีอยุธยา ไปถึงเมืองละโว้ เห็นมีศาลาที่พักคนเดินทางเป็นโรงโถงขนาดใหญ่อย่างธรรมดา มีกำแพงล้อมรอบสูงพอเอื้อมถึง มีหลังคาคลุม หลังคาตั้งอยู่บนเสาไม้แก่น ซึ่งผังเรียงรายเป็นระยะลงในกำแพงนั้น บางทีพระเจ้ากรุงสยามก็ประทับเสวยพระกระยาหารที่นั่นในระหว่างเสด็จ ฯ แต่ส่วนเอกชนสามัญก็ใช้เรือที่ไปเป็นที่พักแรมไปในตัว
  • ๔. เหตุใดการต้อนรับอาคันตุกะให้พักอาศัยอยู่ด้วย จึงไม่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวอาเซีย พระภิกษุไม่มีภรรยา ท่านจึงแสดงความกรุณาให้ที่พักอาศัย แก่อาคันตุกะดีกว่าพวกพลเมือง ที่สยาม (อยุธยา) มีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเริ่มตั้งโรงเตี๊ยมขึ้น บางทีก็มีชาวยุโรปไม่กี่คนไปพักบ้าง
  • ๕. เรือนที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับรับรองคณะฑุตานุฑูตฝรั่งเศส เจ้าพนักงานจึงสร้างเรือนแบบพื้นประเทศให้ สร้างบนเสาปูฟาก และลาดด้วยเสื่อกก รวมทั้งพื้นเฉลียงอีกด้วย ห้องโถงและห้องในนั้น แขวนผ้ามีดอกดวง เพดานผ้ามัสลินขาว ริมเฉลียงเพดานลาดลง พื้นเรือนในห้องนั้นลาดเสื่อกกสานลายละเอียด และเป็นมันลื่นกว่าที่ใช้พื้นเฉลียง และภายในห้องนอนของเอกอัครราชฑูตพิเศษนั้น ยังลาดพรมเจียมทับเสื่อกกอีกชั้นหนึ่ง มีความสะอาดอยู่ทั่วไป แต่มิได้โอ่โถงมีภูมิฐานอะไรที่บางกอกสยาม และละโว้ ซึ่งชาวยุโรป ชาวจีน และชาวมัวร์ สร้างบ้านเรือนเป็นตึกก่ออิฐถือปูน เจ้าพนักงานได้จัดให้เข้าพักในตึกเช่นเดียวกัน มิใช่เรือนสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับพวกเรา
  • ๖. ตึกสำหรับเอกอัคราชฑูตฝรั่งเศสและปอร์ตุเกศพักยังสร้างไม่เสร็จ เรายังได้เห็นตึกสองหลัง ซึ่งเจ้ากรุงสยามโปรดให้สร้างขึ้นหลังหนึ่ง สำหรับเอกอัคราชฑูตฝรั่งเศสอีกหลังหนึ่ง อีกหลังหนึ่งสำหรับเอกอัคราชฑูตปอร์ตุเกศ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
  • ๗. เรือนขุนนางผู้ใหญ่ในกรุงสยาม ขุนนางผู้ใหญ่แห่งราชสำนักอยู่เรือนไม้ทั้งหลัง รูปร่างดังตู้ใบใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะเจ้าบ้าน ภรรยาหลวงกับบุตรธิดาของตน ส่วนภรรยาน้อยคนอื่นๆ กับบุตรธิดาของตน ทาสแต่ละคนกับครอบครัวมีเรือนหลังเล็กๆ แยกกันอยู่ต่างหากจากกัน แต่อยู่ในวงล้อมรั้วไม้ไผ่ร่วมกับเจ้าของบ้าน
  • ๘. เรือนชาวสยามมีเพียงชั้นเดียว วิธีสร้างเรือน น่าอยู่กว่าตามแบบของเรามาก ไม่ต้องกังวลในเรื่องพื้นที่ สร้างขึ้นจากวัสดุที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ไปตัดไม้จากป่าตามชอบใจ หรือไม่ก็หาซื้อมาด้วยราคาถูก ๆ จากผู้ที่ไปตัดชักมา กล่าวกันว่าเรือนของชาวสยามที่มีเพียงชั้นเดียว ก็เพื่อมิให้ผู้ใดอยู่สูงกว่าพระเจ้ากรุงสยาม ในขณะที่พระองค์ทรงช้างเสด็จ ฯ ไปในท้องถนน ไม่ว่าพระองค์เสด็จ ฯ ทางชลมารคหรือสถลมารค พวกราษฎรจะต้องปิดหน้าต่างเรือนแล้วลงมาสู่ถนน หรือลงมาสู่เรือของตนเพื่อถวายบังคม ข้อที่ราษฎรระวังกันนักคือ เรือนของตนจะต้องไม่ใหญ่โตงดงามเทียบเท่าพระราชมณเฑียร อนึ่งปราสาทราชมณเฑียรก็มีเพียงชั้นเดียวทั้งสิ้น
  • ๙. ตึกสำหรับชาวต่างประเทศ ชาวยุโรป ชาวจีน และชาวมัวร์ ต่างสร้างบ้านเรือนของตนเป็นตึก ตามแบบนิยมและศิลปของชาติตน
  • ๑๐. หอที่เรียกว่าดีวังผนังสามด้าน ด้านที่สี่เปิดโล่งไว้ ด้านนี้มีพะไลยื่นออกไปบัวสูงเท่าตัวหลังคา ภายในหอมักจะประดับตั้งแต่ข้างบน จนถึงข้างล่างด้วยกุฎิเล็ก ๆ ที่แขวนอยู่หรือเจาะเป็นช่องเข้าไปในผนัง เพื่อตั้งถ้วย โถ ขาม และแจกะนกระเบื้อง
  • ๑๑. พระที่นั่งและพระวิหารก่ออิฐแต่เตี้ย ๆ พระราชมณเฑียรในพระบรมมหาราชวังที่สยาม (อยุธยา) กับที่ละโว้กับโบสถ์ หรือวิหารหลายแห่งก็สร้างด้วยอิฐเหมือนกัน โบสถ์วิหารมีลักษณะคล้ายกับหอพระของเรา คือ ไม่มีโค้งหลังคา ไม่มีเพดาน มีแต่เสาไม้แก่น ค้ำเครื่องบนมุงกระเบื้อง ล่องชาด และวาดลายทองเล็กน้อย
  • ๑๒. ตึกในสยามยังเป็นของริเริ่มใหม่ อาคารก่ออิฐถือปูนยังเป็นของริเริ่มใหม่ของสยามอยู่มาก ชาวยุโรปเป็นผู้นำเอาแบบอย่างการสร้างตึกเข้ามาใช้
  • ๑๓. ชาวสยามยังไม่รู้จักองค์การก่อสร้าง ๕ ประการ ชาวสยามไม่รู้จักการประดับภายนอกราชมณเฑียร หรือโบสถ์วิหารเลย นอกจากเครื่องหลังคาซึ่งมุงด้วยแผ่นดีบุกอย่างธรรมดา เรียกว่า กะลิน หรือกระเบื้อง เคลือบสีเหลือง เหมือนอย่างหลังคาพระราชมณเฑียนพระเจ้ากรุงจีน ส่วนที่เกี่ยวกับองค์ ๕ ของสถาปัตยกรรมอันประกอบด้วยเสา ลวดลายประดับคานบนยอดเสา และการประดิดประดอยอื่น ๆ นั้น ชาวสยามไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
  • ๑๔. บันไดและประตู เป็นบันไดอย่างธรรมดา มี ๑๐ - ๑๒ ขั้น ความกว้างไม่ถึง ๒ ฟุต ก่อด้วยอิฐถือปูนติดผนังเบื้องขวา เบื้องซ้ายก็ไม่มีรางกั้น แต่ขุนนางสยามไม่จำเป็นต้องใช้ราวบันไดแต่อย่างใด เพราะเขาคลานขึ้นไปด้วยมือและเข่า และคลานอย่างเงียบกริบ ทวารท้องพระโรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแต่ต่ำและแคบ
  • ๑๕. การวางศักดิ์ในพระราชมณเฑียรนั้นคืออย่างไร แม้พื้นเรือนจะมีอยู่เพียงชั้นเดียว แต่พื้นเรือนมิได้อยู่ในระดับเดียวกันหมดทั้งหลัง มีการลดหลั่นกันไปโดยลำดับ จึงมีบันไดสำหรับก้าวจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ด้วยพื้นห้องและชานของแต่ละห้องนั้น ยกอยู่ในระดับเดียวกันทั้งสิ้น เป็นเหตุให้หลังคาของแต่ละห้องสูงต่ำไม่เท่ากัน หลังคาเป็นรูปหลังลาทั้งสิ้น แต่ตอนหนึ่งนั้นต่ำกว่าอีกตอนหนึ่ง ลดหลั้นตามระดับพื้นห้องที่ต่ำกว่ากัน หลังคาค่อนที่ต่ำกว่านั้นดูคล้ายแลบออกมา จากหลังคาตอนชั้นสูง และหลังคาชั้นสูงนั้นครอบทับชายหลังคาชั้นต่ำกว่าไว้ เหมือนอานม้า ซึ่งหัวอานที่งอนขึ้นมาซ้อนท้ายอานอีกอันหนึ่งไว้
  • ๑๖. ที่เมืองจีนก็เช่นกัน
  • ๑๗. โบสถ์วิหารก็เช่นเดียวกัน ส่วนโบสถ์นั้น ได้สังเกตเท่าที่เห็นแต่เฉพาะพะไล ที่ยื่นออกมาเป็นมุขด้านหน้า และอีกอันหนึ่งทางด้านหลังเท่านั้น ตอนใต้เป็นที่ประดิษบานพระพุทธรูป ส่วนหลังคามุขหน้า และมุขหลังนั้น ดูเหมือนจะมีไว้ให้ประชาชนเข้าไปนั่งเท่านั้น
  • ๑๘. เจดีย์ เครื่องประดับสำคัญของอุโบสถ ต้องมีเป็นธรรมดาทุกวัดคือ เจดีย์ปูนขาว หรือก่อด้วยอิฐมากมายหลายองค์ สร้างด้วยฝีมือประดิดประดอยอย่างหยาบ ๆ เจดีย์ทั้งหลายนั้นทรงกลมและยิ่งสูงขึ้นไปก็ยิ่งลดเรียวลง ตอนปลายคล้ายโดม เมื่อเป็นเจดีย์ทรงต่ำ ตอนปลายที่ทำเป็นโดมนั้น มีก้านดีบุกเล็ก ๆ ปลายแหลมปักอยู่ และสูงมากพอใช้เมื่อเทียบส่วนกับเจดีย์ทั้งองค์ เจดีย์บางองค์มีลักษณะคอดเข้า แล้วเลื่อมออกขึ้นไปตามส่วนสูงถึง ๔ - ๕ ชั้น ดูเป็นลูกคลื่น โดยรอบทรงกลมนี้ประดับลวดลายแวง ตั้งเป็นมุมฉากอยู่ ๓ - ๔ แห่ง ทั้งที่ตามรอยคอดและส่วนที่สูงขึ้นไป ลายนี้ค่อยเรียวลงตามส่วนเรียวขององค์เจดีย์ ไปสิ้นสุดลงที่ยอด ตอนเริ่มเม็ดทรงมันอันมีลายประดับอีก
  • ๑๙. ลักษณะห้องบางห้องในพระราชมณเฑียร ได้เห็นแต่เพียงหัองชั้นนอก ห้องแรกอันเป็นท้องพระโรงที่สยาม (กรุงศรีอยุธยา) กับที่เมืองละโว้ เท่านั้น กล่าวกันว่าไม่มีใครจะล่วงล้ำเกินกว่านั้นไปได้ แม้พวกมหาดเล็ก ยกเว้นพระสนมนางใน และะพวกขันทีเท่านั้น ได้เห็นห้องประชุมองคมนตรีในพระราชวังที่เมืองละโว้ แต่ก็เป็นห้องนอกแรกเข้าไปถึง ในอาคารหลังนี้ยังมีห้องชั้นในๆ เข้าไปอีก หมายความว่า ไม่มีห้องพักคอย (Anti chambre) ที่ด้านหน้าและด้านข้างทั้งสองข้าง ห้องประชุมมีชานเฉลียงแลออกไปเห็นอุทยานล้อมอยู่โดยรอบ บนชานเฉลียงนี้เป็นกลางแจ้ง เจ้าพนักงานได้จัดขึงผ้ากันแดดทางด้านเหนือ เพื่อให้เป็นที่คณะเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศสเข้าเฝ้าเป็นส่วนพระองค์ พระเจ้ากรุงสยามเสด็จประทับพระราชอาสน์ ณ สีหบัญชร ช่องหนึ่งในห้องประชุมนั้น ในท่ามพระราชอุทยานและลานสนามนั้น มีทิมโถงหลายห้องเรียกว่า ศาลา ตั้งอยู่ห่างๆ กัน ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงมีหลังคาปก มีแต่เสาลอยรับเป็นระยะๆในกำแพงนั้น ศาลาเหล่านี้ทำขึ้นสำหรับขุนนางผู้ใหญ่ ในตำแหน่งสำคัญๆ เข้าไปนั่งขัดสมาธิเพื่อปฎิบัติหน้าที่ราชการของตน หรือประชุมหารือกัน มาคอยรับพระบรมราชโองการในตอนสายๆ ระยะหนึ่ง และตอนเย็นจนค่ำอีกระยะหนึ่ง และจะลุกกลับออกไปไม่ได้ จนกว่าจะได้อาณัติให้กลับไปได้แล้ว ขุนนางชั้นผู้น้อยนั่งอยู่ที่สนามหญ้า หรือในอุทยาน และเมื่อได้อาณัติสัญญาณว่า พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรมาเห็นตัวแล้ว ก็จะหมอบลงทันที
  • ๒๐. สถานที่ในพระบรมมหาราชวังที่เราได้รับพระราชทานเลี้ยง เป็นสถานที่อันน่ารื่นรมย์อย่างยิ่งภายใต้ต้นไม้ใหญ่ และใกล้ขอบสระในพระราชวังที่เมืองละโว้ พวกเราได้รับพระราชทานเลี้ยงในพระราชอุทยาน ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง ซึ่งผนังสูงขึ้นไปจนจรดหลังคา และรองรับตัวหลังคาไว้ ผนังโบกปูนสีขาว เรียบเป็นมันวับ มีประตูด้านสะกัดด้านละช่อง มีคูกว้าง ๒ - ๓ ตัวซ์ ลึกประมาณ ๑ ตัวซ์ ล้อมรอบ ภายในคูมีน้ำพุสายเล็กๆ เรียงรายประมาณ ๒๐ แห่ง สายน้ำพุพุ่งขึ้นมาเหมือนจากฝักบัวรดน้ำ น้ำพุ่งขึ้นมาเสมอระดับขอบคู
  • ๒๑. พระราชอุทยานที่เมืองละโว้ไม่สู้กว้างขวางเท่าไร แปลงปลูกต้นไม้ต่างๆ มีน้อย ก่อด้วยอิฐตั้งซ้อนกันขึ้นไปเป็นขอบคัน ช่องทางเดินระหว่างแปลงต้นไม้นั้น แปลงต้นไม้นั้นปลูกพันธุ์ไม้ดอกไว้ กับต้นไม้จำพวกปาลม์และพรรณอื่นๆ
  • ๒๒. พลับพลาไม้ไผ่ในป่า ทำขึ้นอย่างง่ายๆ เรียบๆ

ตอนที่ ๑ เครื่องนุ่งห่ม และรูปร่างหน้าตาของชาวสยามhttps://www.facebook.com/Signnagas/posts/731437163639848:0
ตอนที่ ๒ บ้านเรือนของชาวสยาม และฝีมือการก่อสร้าง
https://www.facebook.com/Signnagas/posts/732067013576863:0
ตอนที่ ๓ เครื่องเรือนของชาวสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas/posts/733326163450948:0
ตอนที่ ๔ สำรับกับข้าวของชาวสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas/posts/734108796706018:0
ตอนที่ ๕ รถและยานพาหนะทั่วไปของชาวสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas/posts/735225446594353:0
หมายเหตุ
  • - จากภาพคือ บ้านเรือน - วิถีชีวิตชาวสยามที่เรียบง่ายแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกับธรรมชาติ ช่วงแผ่นดินรัชกาลที่ ๕
  • - มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ได้ออกเดินทางจากท่าเรือเมือง เบรสต์ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๓๐ มาทอดสมอที่กรุงสยาม เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐ เดินทางกลับเมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๒๓๑ ขึ้นบกที่ท่าเรือเมืองเบรสต์ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑
  • ความมุ่งหมายในการเขียน เพ่งเล็งในด้านอาณาเขต ความอุดมสมบูรณ์ คุณภาพของดินในการกสิกรรม ภูมิอากาศเป็นประการแรก ต่อมาเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่ว ๆ ไป และเฉพาะเรื่องเฉพาะราย เรื่องเกี่ยวกับรัฐบาล และศาสนาจะกล่าวในตอนท้าย และได้รวบรวมบันทึกความทรงจำ เกี่ยวกับประเทศนี้ ที่เขาได้นำติดตัวมาด้วยไปผนวกไว้ตอนท้าย และเพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักชาวสยามโดยแจ่มชัด จึงได้เอาความรู้เกี่ยวกับอินเดีย และจีนหลายประการมาประกอบด้วย นอกจากนั้นยังได้แถลงว่าจะต้องสืบเสาะให้รู้เรื่องราว พิจารณาสอบถาม ศึกษาให้ถึงแก่นเท่าที่จะทำได้ ก่อนเดินทางไปถึงประเทศสยาม ได้อ่านจดหมายเหตุทั้งเก่าและใหม่ บรรดาที่มีผู้เขียนขึ้นไว้เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ในภาคพื้นตะวันออก ถ้าไม่มีสิ่งดังกล่าว เขาอาจใช้เวลาสักสามปี ก็คงไม่ได้ข้อสังเกต และรู้จักประเทศสยามดี
  • ทำอย่างไรถึงจะได้รับข้อความที่ทางเพจโพสทุกครั้ง ... กดคำว่า “ถูกใจ” แล้ว ใต้ “ภาพหน้าปก” จะมีคำว่า “รับการแจ้งเตือน” ให้กดที่คำนี้ จนเห็นเครื่องหมาย ‘ถูก’ ปรากฎขึ้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะไม่พลาดข้อความดีๆอีกต่อไป

fb: นิทรรศการพลังแผ่นดิน
อัศจรรย์งานศิลป์ แผ่นดินสยาม
https://www.facebook.com/Signnagas

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น